คำคม...คติสอนใจ

@...ความเจริญทางจิตใจนั้นเราจะซื้อไม่่ได้...@

Hi ! Welcome...สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับ "บ้านซ่าหรี"
บุคคลทั่วไป กรุณาเข้าสู่ระบบ หรือ ส่งอีเมล์ยืนยันการเข้าใช้งานด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

>> ดอกไม้ไร้กลิ่น


ดอกไม้ไร้กลิ่น


นำดอกไม้มาฝาก
พองเพื่อนยากได้เฉยชม
ขาวบริสุทธิ์พิลาศสม
หากดอมดมหากลิ่นไม่................ซ่าหรี/













กรุณาอย่า copy งานมีลิขสิทธิ์

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

>> น้ำแข็ง

น้ำแข็ง
          
          ในสมัยก่อนน้ำแข็งมนุษย์เราเมื่อก่อนใช้ได้จากธรรมชาติ ก็คือ
หิมะนั่นเอง ครั้งเมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ยกทัพไปตีเมืองปิตรา
ของประเทศอินเดียในช่วงฤดูหนาว ทรงมีรับสั่งให้ขุด "หลุมน้ำแข็ง" ถึง ๓๐
หลุมพร้อมฝาเปิดไม้โอ๊กสำหรับเก็บหิมะไว้แช่ไวน์ในฤดูร้อน ในกรุงโรมเอง
ก็มีร้านหรือโรงเก็บหิมะไว้หลายแห่ง ส่วนชาวอาหรับใช้น้ำแข็งธรรมชาติทำ
เป็นน้ำผลไม้เย็น เรียกว่า ชาร์เบีย (sharbia) ซึ่งกลายมาเป็น เชอร์เบต
(sherbet) ในปัจจุบันนั่นเอง
          ในสมัยราชวงค์ถัง ประมาณ๑,๔๐๐ ปีก่อน มีการนำน้อแข็งจากภูเขา
และแม่น้ำมาเป็นก้อนใหญ่ฝังดินไว้ในถ้ำหรือลุมใต้ดิน ใช้ทำเครื่องดื่มและ
ถนอมอาหาร แต่น้ำแข็งยังถือเป็นปัจจัยที่หายาก ที่คนทั่วไปไม่มีโอกาสได้
ใช้กัน ส่วนในเมืองไทย สมัยสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์
ไว้ว่า สมัยรัชกาลที่ ๔ ประมาณ พ.ศ. ๒๔๐๐ พระยาพิสนธ์สมบัติบริบูรณ์ ซึ่ง
มีบรรดาศักดิ์เป็นพระภาษีสมบัติบริบูรณ์ในช่วงนั้น เป็นเจ้าของเรือ โดยท่าน
เจ้าพระยา ได้สั่ง "น้ำแข็ง" บรรทุกจากประเทศสิงคโปร เข้ามาถวายเป็นเนืองๆ
และยังทรงแจกจ่ายให้เจ้านาย และข้าราชการผู้ใหญ่ คนทั่วไปได้ยินก็ไม่เชื่อกัน
สงสัยอยู่ว่า "ปั้นน้ำเป็นตัว" ได้อย่างไร?

------------------------------------------
แหล่งอ้างอิงข้อมูล :  ทำทุกอย่างได้ไม่ธรรมดา
โดย : ซอมพอแดง
---------------------




กรุณาอย่า copy งานมีลิขสิทธิ์

>> กระดาษหนังสือพิมพ์

กระดาษหนังสือพิมพ์

          กระดาษหนังสือพิมพ์ ที่่มีคุณภาพต่ำซึ่งเป็นประเภทที่ใช้งาน
หนังสือพิมพ์นั้น เขามีการคิดค้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๓๘๑ โดยมี
ประวัติอยู่ว่า มีวัยยรุ่นจากแหลมโนวา สก๊อตเซียอยู่ในเขต
ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศแคนาดา ชื่อชาล์ส เฟอเนอร์ตี
          หลังจากที่เขาได้ยินว่าโรงงานบดกระดาษท้องถิ่นบ่นกันทุกวัน
ว่าจะหาเศษกระดาษได้ประมาณที่เพียงพอได้อย่างไร เพื่อที่จะนำมา
ผลิตกระดาษคุณภาพต่ำได้อีก เฟอเนอร์ตี จึงเกิดความคิดอย่างหนึ่ง
ขึ้นมาว่าจะผลิตจากต้นอะไร จึงได้ผลิตกระดาษจากเยื่อต้นสรูปซ
(spruce) ซึ่งเป็นสนชนิดหนึ่ง แต่แล้วโชคร้าย เขาไม่ได้เสนอการค้นพบ
ของเขาสู่สายตาของคนทั้งโลกได้รับรู้
          จนกระทั้งปี พ.ศ. ๒๓๘๗ ในตอนนั้น ได้มีสมาคมนักประดิษฐ์ในยุโรป
ได้มีการจดสิทธิบัตรขั้นตอนการผลิตกระดาษจากเยื่อไม้เพียงอย่างเดียวไป
เสียก่อนแล้ว


--------------------------------
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : ทำทุกอย่างได้ไม่ธรรมดา
โดย : ซอมพอแดง
-------------------




กรุณาอย่า copy งานมีลิขสิทธิ์

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

>> ‘เป้-แพน’ควงคู่ออกงาน-พร้อมเคลียร์ทุกข่าวที่เกิด


 วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 17:51 น.  ข่าวสดออนไลน์
‘เป้-แพน’ควงคู่ออกงาน-พร้อมเคลียร์ทุกข่าวที่เกิด ไปร่วมงาน Summer Midnight Sale ที่ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน เมื่อบ่ายของวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา คู่พระนาง "เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ" และ "แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์"  ก็เปิดใจเคลียร์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวอาทิ นอนซบกันไปบนเครื่องบินตอนที่ไปถ่ายแบบที่อินเดีย รับงานเป็นแพ็คเกจ และเรื่องอื่นๆ
โดยในเรื่องนี้ พระเอกหนุ่มบอกว่า เรื่องที่รับงานคู่ตอนนี้ก็มีแค่  2 งานเองและการรับงานเรื่องค่าตัวก็ไม่ได้เยอะกว่าครั้งแรก เพราะเป็นแคมเปญอยู่แล้ว ส่วนหลังจากนี้จะมีงานคู่กันอีกหรือเปล่าก็คงแล้วแต่โอกาส เพราะรับงานก็แยกกันรับ

 ผู้สื่อข่าวถาม‘แพนเค้ก’ บ้างว่าวันนี้ พี่เป้ ชวนมาหรือเปล่า นางเอกสาว ตอบว่า เปล่า จริงๆทราบว่าเป็นแคมเปญที่พี่เป้ถ่ายอยู่แล้ว วันนี้มาเหมือนพูดคุยกัน



 ถามต่อไปถึงข่าวนอนซบกันบนเครื่อง ‘เป้’ กล่าวว่า “ตลกดีครับ เพราะเรานั่งกันคนละที่เลย ห่างกันประมาณ10เมตรได้ ผมคงไม่คอยาวขนาดนั้น ไม่มีเดินไปหาแพนเลยหลับตลอดครับ”
 
ด้านนางเอกสาว เสริมว่า“แพนนั่งกับคุณแม่ค่ะ ซึ่งกับข่าวที่เกิดขึ้นก็ไม่เครียดไม่มีอะไรสนุกขำๆดี เราไปด้วยกันจริงแต่ไม่ได้นั่งด้วยกันค่ะ”

 นักร้องหนุ่มกล่าวเสริมอีกว่า “ที่ได้ข่าวมาว่าเป็นสายการบินอาหรับเราไม่ได้ไปสายการบินนั้นครับ เรื่องไปมาเลเซียก็ไม่จริงผมไปกับเพื่อน6คนตอนงานปีใหม่ ผู้ชายล้วนเลยครับ”

ส่วนข่าวว่า ‘แพนเค้ก’แนะนำเรื่องรถบ้านให้ด้วย นักร้องหนุ่มตอบว่า “ไม่ครับ ผมขับมาสด้า สำหรับผมคนละสไตล์ไม่ได้อยู่กองละครเยอะขนาดนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องใช้ ส่วนใหญ่ทัวร์คอนเสิร์ตเยอะจะไปรถตู้ นอนโรงแรมมากกว่า หรือถ้าไปเองก็จะเป็นคนขับรถเองครับ ”

ถามต่อว่า ถือว่าตอนนี้สนิทกับ‘แพนเค้ก’มากขึ้นหรือเปล่า ‘เป้’ ตอบว่า ก็มากขึ้น เวลาถ่ายละครเสร็จก็ได้เจอและทำงานด้วยกัน
 
กรณี ‘หมวดบีม’ ที่บอกแม่ปลื้ม นางเอกสาว ตอบว่า “คงเหมือนทุกครั้งที่ตอบไปแพนไม่ตอบอะไรมากไปกว่านี้ดีกว่าค่ะ ส่วนเรื่องที่ถามถึงข่าวว่าแม่ไม่ปลื้มพี่เป้ ก็ไม่จริงค่ะ” จังหวะนี้ นักร้องหนุ่มกล่าวแทรกขึ้นมาทันทีว่า “อย่าเอาคนที่ 3 เข้าไปเกี่ยวเลยครับ(หัวเราะ)”

 ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า มีคนเห็นอัพสเตตัสในเฟซบุ๊คว่าวันนี้จะไปงานคู่กันด้วย ‘แพนเค้ก’ ตอบว่า ก็เข้าไปดูอยู่เรื่อยๆ คือ การอัพเดทตารางงานมากกว่าว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งตรงนี้มีคนดูแลให้ เราไม่ได้ทำเอง


ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=
(ขอบพระคุณข่าวสดที่เอื้อเฟื้อข่าวนะคะ)

>> มงคลทั่วไทย ไหว้ ๙๙ พระธาตุ-เจดีย์ ผลงานใหม่ข่าวสด งานสัปดาห์หนังสือ

วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7419 ข่าวสดรายวัน

"มงคลทั่วไทย ไหว้ ๙๙ พระธาตุ-เจดีย์" หนังสือพ็อกเกตบุ๊กผลงานใหม่ล่าสุดของกองบรรณาธิการข่าวสด ที่เตรียมวางแผงในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 39 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 25 มี.ค.-6 เม.ย.2554

หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมพระธาตุ เจดีย์ และพระปรางค์ที่สำคัญจากทั่วประเทศ พร้อมภาพถ่ายล่าสุดพิมพ์สี่สีสวยงาม

โดยจุดเด่นของหนังสือ "มงคลทั่วไทย ไหว้ ๙๙ พระธาตุ-เจดีย์" คือการใช้ข้อมูลจากผู้สื่อข่าวส่วนกลางและผู้สื่อข่าวภูมิภาคเสาะแสวงหาตำนานประวัติความเป็นมา รวมทั้งความเชื่อจากแต่ละท้องถิ่นของพระธาตุ เจดีย์ และพระปรางค์จนครบครันทั้ง 4 ภาค

ที่สำคัญมีคาถาบูชาพระธาตุเพื่อเป็นมงคลชีวิต โดยเฉพาะบทสวดสักการะพระธาตุ 12 ราศี

รวมทั้งคำศัพท์ด้านสถา ปัตยกรรม อธิบายถึงศัพท์แสงเกี่ยวกับรูปแบบลักษณะของเจดีย์และพระธาตุ อาทิ ฐานปัทม์ ซุ้มจระนำ ปล้องไฉน เสาหาน ปลี ฯลฯ

ซึ่งที่ผ่านมา กองบรรณาธิการข่าวสดนับว่าเป็นผู้บุกเบิกข่าวสารด้านธรรมะและศาสนาพุทธในหนังสือพิมพ์รายวันมาโดยตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว

มีผลงานหนังสือพ็อกเกตบุ๊กที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ จตุคามรามเทพ, ไหว้พระประธาน 76 จังหวัด, 109 เหรียญมงคล, 99 เหรียญบูชามหานิยม, เดินสายไหว้พระพุทธทั่วไทย, มงคลข่าวสด สุดยอดพระเกจิ, อมตะพระเกจิ 77 จังหวัด, เหรียญมงคล 77 จังหวัด ฯลฯ

ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้อ่านอย่างกว้างขวางจนต้องจัดพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง

สําหรับเนื้อหาหนังสือ "มงคลทั่วไทย ไหว้ ๙๙ พระธาตุ-เจดีย์" เป็นการรวบรวมและจัดหมวดหมู่พระธาตุและเจดีย์ที่สำคัญๆ ทั้งในกรุงเทพฯ ภาคกลาง-ตะวันออก ภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคใต้

เฉพาะในกรุงเทพฯ มีการเสาะค้นตำนานพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองถึง 14 องค์ อาทิ พระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระแก้ว, บรมบรรพต(ภูเขาทอง) วัดสระเกศ, พระปรางค์ วัดอรุณฯ, พระเจดีย์ใหญ่ วัดบวรนิเวศวิหาร

พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ภายในวัดพระเชตุพนฯ หรือวัดโพธิ์ เป็นพระ มหาเจดีย์ประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทั้งสี่พระองค์ทรงมีพระชนม์ชีพที่อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันช่วงหนึ่ง






ภาคกลางและตะวันออก มีพระธาตุและเจดีย์สำคัญ อาทิ พระปฐมเจดีย์ที่นครปฐม เจดีย์ชัยมงคลและเจดีย์ศรีสุริโยทัยที่ จ.พระนคร ศรีอยุธยา พระสมุทรเจดีย์ที่สมุทร ปราการ, เจดีย์พุทธคยา วัดวังวิเวการาม ที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

นอกจากนี้ ได้แก่ พระธาตุจอมเพชร ตั้งอยู่บนยอดเขาวัง หรือพระ นครคีรี อ.เมือง จ.เพชรบุรี จากฐานทักษิณมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบของตัวเมืองเพชรบุรี พระที่นั่งต่างๆ วัดพระแก้วที่อยู่บนยอดเขาอีก 2 ยอดได้ และเห็นทะเลอีกด้วย

ภาคอีสาน มีเจดีย์และพระธาตุเก่าแก่หลายแห่ง เช่น พระธาตุพนมที่ จ.นครพนม พระธาตุกลางน้ำ ซึ่งอยู่กลางลำน้ำโขงที่หนองคาย, พระธาตุขามแก่น จ.ขอนแก่น พระธาตุนาดูนที่ จ.มหาสารคาม, พระปรางค์องค์ประ ธานปราสาทหินพิมาย

พระธาตุที่มีเรื่องราวน่าสนใจ ได้แก่ พระธาตุก่องข้าวน้อย อ.เมือง จ.ยโสธร มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า หนุ่มชาวนาทำนาตั้งแต่เช้ายันเพล แม่นำข้าวมาส่งสาย จนหิวตาลาย มองเห็นข้าวที่แม่นำมาให้น้อยไม่พอกิน เกิดอารมณ์ชั่ววูบกระทำมาตุฆาต ฆ่าแม่บังเกิดเกล้า ครั้นอิ่มแล้ว แต่ข้าวยังไม่หมด เมื่อได้สติคิดสำนึกผิดที่กระทำต่อแม่จนถึงแก่ความตาย จึงสร้างพระธาตุก่องข้าวน้อยขึ้น เพื่ออุทิศส่วนกุศลขออโหสิ กรรมและล้างบาป

ภาคเหนือ ซึ่งเป็นดินแดนที่มีพระธาตุมากที่สุดของประเทศ ก็มีการรวบรวมไว้หลายสิบแห่งในหนังสือเล่มนี้ อาทิ พระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ พระธาตุดอยกองมูที่แม่ฮ่องสอน พระธาตุวัดพระธาตุลำปางหลวง พระธาตุดอยตุงบนยอดดอยตุงที่เชียงราย พระธาตุแช่แห้งที่น่าน พระธาตุช่อแฮที่ จ.แพร่ พระบรมธาตุหริภุญชัยที่ลำพูน เจดีย์วัดช้างล้อมในอุทยานประวัติศาสตร์ที่สุโขทัย

โดยพระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย จ.ลำพูน จำลองแบบมาจากพระมหาเจดีย์ชเวดากองของพม่า มีพระมหาเจดีย์องค์ใหญ่เป็นประธานอยู่ตรงกลาง และมีพระเจดีย์องค์เล็กอยู่เป็นบริวารล้อมรอบอยู่ 48 องค์ ตามแบบพระสถูปเจดีย์ศิลปะลังกา

ภาคใต้ มีพระธาตุชื่อดังหลายแห่ง อาทิ พระธาตุเจดีย์หลวง จ.สงขลา พระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช พระธาตุสวี จ.ชุมพร พระธาตุเจดีย์วัดช้างให้ จ.ปัตตานี

พระบรมธาตุไชยา ประดิษฐานอยู่ในวัดพระบรมธาตุไชยา เป็นโบราณสถานพุทธเจดีย์คู่เมืองสุราษฎร์ธานี เป็นสถาปัตยกรรมแบบศรีวิชัยองค์เดียว ที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีองค์พระธาตุ เจดีย์ พระปรางค์ที่มีประวัติและสถาปัตย กรรมที่สวยงาม สะท้อนศิลปะท้องถิ่นที่งดงาม และเป็นที่สักการบูชาของประชาชนอีกมากมายในเล่ม ฉบับที่ชื่อ "มงคลทั่วไทย ไหว้ ๙๙ พระธาตุ-เจดีย์"



เล่มเด่นอื่นๆจาก"สำนักพิมพ์มติชน"

- The Genius of China : ต้นกำเนิด 100 สิ่งแรกของโลก โรเบิร์ต เทมเพิล เขียน แปลโดย ดร.พงศาล มีคุณสมบัติ รวบรวมสิ่งประดิษฐ์และการคิดค้น 100 สิ่งแรกของโลกที่จีนเป็นผู้ประดิษฐ์และคิดค้นมานำเสนอตามลำดับเวลาและประเภท

- ให้โอกาสกับสิ่งที่เราไม่รู้ โดย "หนุ่มเมืองจันท์" ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจลำดับที่ 16 ผลงานเล่มที่ 17 ของหนุ่มเมืองจันท์ งานเขียนชุดนี้จะตอบแทนทุกท่านด้วยความสนุกเบิกบานใจ ให้แง่คิดและมุมมองชีวิตดีๆ เรื่องใกล้ๆ ตัวที่น่าจะรู้แต่ยังไม่รู้ อาจเป็นเพราะยังไม่พร้อมจะให้โอกาสตัวเองรับรู้

- ความสุขโดยสังเกต โดย "นิ้วกลม" ความสุขทั้งยี่สิบชิ้นในสมุดบันทึกเล็กๆ เล่มนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการสังเกต เมื่อติดเรดาร์ความสุขแล้ว จะมองเห็นความสุขอีกเป็นร้อยเป็นพัน

- สำรวจศรัทธา : พื้นที่ชีวิต ชุดสำรวจศรัทธา โดย หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ร่วมเดินทางไปกับ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล กับการสำรวจวิถีชีวิต วัฒนธรรม และศรัทธาในศาสนาต่างๆ จาก 10 ประเทศทั่วเอเชีย

- แผนสอง โดย malimali ยุคนี้ใครๆ ก็ปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันกัน นำเสนอด้วยภาษาที่เรียบง่ายและมีรูปภาพประกอบเสริมเข้าใจยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับวัยรุ่นหนุ่มสาวทุกคนที่เกรงกลัวกับวิธีนั่งสมาธินิ่งๆ หรือเดินจงกรมจนเมื่อยขา ซึ่ง "แผนสอง" จะบอกวิธีการอยู่กับความทุกข์-ความสุขได้อย่างอิสรเสรี

- Lady"s Choice ผู้หญิงเลือกได้ สนุกกับออฟฟิศเลดี้ รวบรวมเทคนิคและความรู้เพื่อการทำงานให้สนุก มีชีวิตชีวา งานลื่น ยิ้มได้ทุกวัน

- คับที่ก็สุขได้ สไตล์คนบ้านเล็ก (Happy Place, Small Space) โดย ปลายฟ้า ฮิไร ถ่ายทอดประสบการณ์จากญี่ปุ่น ประเทศที่ที่ดินแพงที่สุดในโลก รู้ถึงวิธีใช้ชีวิต ในพื้นที่เล็กๆ ได้อย่างสบาย สะอาด สวยงาม ปลอดภัย ประหยัด

- ประวัติศาสตร์โลกในถ้วยชา รอย ม็อกซัม เขียน / วิลาสินี เดอเบส แปล เรื่องราวของชา จากการค้นพบโดยชาวจีน การ นำเข้าสู่ยุโรปโดยชาวอังกฤษในศตวรรษที่ 17 จนถึงเรื่องราวและอิทธิพลของชาในปัจจุบัน

- ประวัติศาสตร์ลับราชินีมองโกล แจ๊ก เวเธอร์ฟอร์ด เขียน / อายุรี ชีวรุโณทัย แปล เป็นเสมือนภาคต่อของ "เจงกิสข่าน มหาบุรุษผู้เปลี่ยนโลก" เน้นที่เรื่องราวของลูกสาวและผู้หญิงคนอื่นๆ ในตระกูลของเจงกิสข่านที่มีบทบาทสำคัญเหนือเส้นทางแพรไหม

- ประวัติย่อของเอกภพ (The Grand Design) สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง และ เลียวนาร์ด มลอดิโนว์ เขียน / รศ.ดร.ภาณุ ด่านวานิชกุล แปล จาก "ประวัติย่อของกาลเวลา" ฮอว์กิ้งและมลอดิโนว์ก็โคจรกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ท้าทายความเชื่อในเชิงศาสนาที่ว่า เอกภพดำรงอยู่ด้วยตัวของมันเอง มิใช่การรังสรรค์จากหัตถ์ของพระเจ้า

- หยุดป่วยด้วยตัวเอง โดย น.พ. บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล การเริ่มต้นจากเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว คือ "การบริโภค" โดยเลือกอาหารที่สด สะอาด ปลอดสารพิษ และมีประโยชน์ อีกทั้งปรับวิถีการดำเนินชีวิตและดูแลสุขภาพด้วยวิธีที่สอดคล้องกับธรรมชาติ

- ก้าวแรกเศรษฐี โดย ดวงกมล โลหศรีสกุล เปิดช่องทางในการประกอบอาชีพ สร้างเงิน สร้างงาน สร้างตนเป็นเจ้าของธุรกิจ และมุ่งไปสู่หนทางการเป็นเศรษฐีให้แก่ทุกคนได้ด้วยตนเอง ด้วยเงินลงทุนต่ำตั้งแต่หลักพันบาทขึ้นไป
ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=
(ขอบพระคุณแหล่งข่าวสดนะคะ)

>> ฉลามได้กลิ่นเลือด


วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7418 ข่าวสดรายวันศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เพิ่งจบไป

มีเรื่องพลิกล็อกเล็กๆ กรณี 2 รัฐมนตรีภูมิใจไทย นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กับ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย

ที่คาดหมายกันว่าจะได้รับคะแนนโหวตน้อยสุด แต่พอถึงเวลาปรากฏทั้ง 'เจ๊วา-ปู่จิ้น' ได้คะแนนไว้วางใจมากสุดอันดับ 1 และ 2

มากกว่านายกฯ สองสัญชาติ และรองนายกฯ ฝ่ายน้ำมันปาล์ม

เลยเป็นอันว่าแผนของบางพรรคที่ตั้งใจจะใช้คะแนนโหวตในการอภิปรายเป็นข้ออ้างปรับครม. ขอคืนเก้าอี้รัฐมนตรีบางตำแหน่งมาเป็นของตัวเองเพื่อหวังผลในการเลือกตั้ง

ต้องพับเก็บไปโดยปริยาย

จากนี้การเมืองไทยจะใส่เกียร์ห้าเดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มตัว

สัปดาห์ก่อนหลังนายกฯ ประกาศช่วงเวลายุบสภาที่แน่นอน หลายพรรคก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที

ไม่ว่าจะการจับมือเป็นพันธมิตรของ 'อา-หลาน' ชาติไทยพัฒนาและภูมิใจไทย

การร่วมโต๊ะแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมืองของ 'แกนนำตัวจริง' 3 พรรค ชาติไทยพัฒนา รวมชาติพัฒนา และกลุ่ม 3 พี เพื่อแผ่นดิน

ด้านพรรคเพื่อไทยก็มีข่าววางตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 ถึงยังสับสนกับกรณี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่เสนอตัวลงชิงเก้าอี้นายกฯ กับนายอภิสิทธิ์ อยู่บ้าง

แต่ทั้งหมดก็ฉายให้เห็นความคึกคักรับบรรยากาศเลือกตั้งที่ใกล้มาถึง เพราะขึ้นชื่อว่านักการเมืองรายไหนรายนั้นพอรู้ว่าจะมีการเลือกตั้ง ก็เหมือนฉลามได้กลิ่นเลือด

ยังมีความเคลื่อนไหวที่คอการเมืองต้องจับตา คือการเปิดตัว 'พรรคประชาสันติ' ที่ข่าวว่ากลุ่มผู้ก่อตั้งพรรค ทาบทาม ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ มาเป็นผู้นำพรรค

น่าจะสร้างความเกรียวกราวได้พอสมควร

เมื่อครั้งเป็นรมว.มหาดไทยในยุครัฐบาลไทยรักไทย จากนโยบายจัดระเบียบสังคม 'อาจารย์ปุ' เคยได้รับคะแนนนิยมมากกว่า นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร

และสดๆ ร้อนๆ ผลสำรวจเอแบคโพลล์ระบุคนกรุงกว่าร้อยละ 41 มองว่า 'อาจารย์ปุ' เหมาะสมจะลงชิงเก้าอี้นายกฯ กับ นายอภิสิทธิ์

มากกว่าทั้ง นายชวน หลีกภัย นายกรณ์ จาติกวณิช หรือแม้แต่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เสียด้วยซ้ำ

ในช่วงการเมืองไทยอยู่ในภาวะขาดแคลนทางเลือก การเปิดตัวพรรคประชาสันติ และการกลับมาของร.ต.อ.ปุระชัย

จึงมีความน่าสนใจไม่น้อย

ที่มา : เหล็กใน มันฯ มือเสือhttp://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid

@@ ขอบพระคุณแหล่งที่มานะคะ @@

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

>> กวน กวนหมอง


>> กินได้ 8 แก้ว
@.....หมอห้ามไม่ให้คุณแดงดื่มเหล้าเกิน 4 แก้วต่อวัน แต่เขากลับดื่มถึง 8
         แก้ว เพราะอะไร?
          (เฉลย.......คุณแดงไปหาหมอสองครั้ง.....)

>> กลัวสุด.....สุด
@.....นกกลัวเป็นโรคอะไรมาก?
          (เฉลย.......โรคกลัวความสูง.....)

>> หลับหรือเปล่า
@.....พลทหารสำเพ็งยืนยามอยู่หน้าค่าย เขาเห็นข้าศึกกำลังใกล้เข้ามา
         แต่ทำไมเขายังหลับตาข้างหนึ่งอยู่?
          (เฉลย.......ก็เขากำลังเล็งปืนอยู่ไงล่ะ.....)

>> ปู้น.....ปู้น.....หลบ
@.....นายอ่ำขับรถถึงสี่แยกก็เห็นรั้วกั้นรถเพื่อให้รถไฟผ่าน แต่เขากลับขับ
         รถไปหน้าตาเฉย แถมยังปลอดภัย เพราะเหตุใด?
          (เฉลย.......นายอ่ำเป็นคนขับรถไฟ.....)

 >> รายงานตัวครับผม
@.....ทำไมชายไทยอายุ 20 ปี ต้องไปฝึกทหารในกรมทหาร?
         (เฉลย.........เพราะฝึกทหารที่บ้านไม่ได้น่ะสิ)

 >> สัตว์พิลึก
@.....สัตว์อะไรเอ่ย มีทั้งสีดำ สีแดง และสีขาว?
         (เฉลย.........ม้าลายที่กำลังอายจนหน้าแดง)

 >> ขยันเดิน
@.....ตูมตามต้องการไปชั้นสิบ แต่กลับขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นเจ็ด แล้วเดินขึ้น
         บันไดไปที่ชั้นสิบ เพราะเหตุใด?
         (เฉลย.........เพราะเขาเป็นคนแคระ ปุ่มชั้น 7 คือปุ่มชั้นสูงสุดที่เขา
           กดถึง)

 >> มีแขนขวาข้างเดียว
@.....หากลูกชายคุณมีแขนขวาข้างเดียว คุณจะทำอย่างไร?
         (เฉลย.........ไม่ต้องทำอะไรเลย ใคร ๆ ก็มีแขนขวาข้างเดียวทั้งนั้น
          แหล่ะ)

 >> ลาฉลาด
@.....เจ้าลาจะเดินทางข้ามทะเลทราย มันเตรียมอาหารให้พอกิน 1 ปี น้ำ
         อีก 100 แกลลอน แต่มันก็ตายในที่สุด เพราะเหตุใด?
         (เฉลย.........ก็ถูกของที่มันเตรียมไว้ทับตายน่ะสิ)

 >> ต้องทำเอง
@.....ชายคนหนึ่งถูกภรรยาทิ้ง เขากำมีดปังตอไว้แน่น เขากำลังจะทำ
         อะไร?
         (เฉลย.........เตรียมสับหมูทำกับข้าว เพราะไม่มีเมียทำให้กิน

                           แล้วล่ะ)

 >> น้ำเท่านั้นที่ต้องการ
@.....ทำไมปลาจึงต้องอยุ่ในน้ำล่ะ?
         (เฉลย.........ก็เพราะบนบกมีแมวน่ะสิ)
***** ยังมีต่ออีกจร้า คอยติดตามนะคะ

>> แอบเปิ้ลธัญพืชกรอบ


Crunchy Apple Sndck

What you'll need :

2 tablespoons of peanut butter

1 tablespoons of honey

1 apple, cored and cut into 8 pieces

1/3 cup of low-fat cereal

>> สิ่งที่เด็กๆต้องเตรียมนะคะ

1. เนยถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ

2. น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา

3. แอปเปิ้ล 1 ผล หั่นออกเป็น 8 ชิ้น

4. ธัญพืชชนิดไขมันต่ำ 1/3 ถ้วย

Spread a thin layer of the peanut-butter mixture on the cut sides of each apple wedge.
ทาเนยถั่วที่ผสมแล้ว ลงบนแอปเปิ้ลแตละชิ้นเป็นชั้นบางๆ

Mix the peanut butter and honey.
ผสมเนยถั่วและน้ำผึ้งเข้าด้วยกัน

Roll the wedges in cereal, pressing gently.
นำผลแอปเปิ้ลมาคลุกกับธัญพืชแล้วกดเบาๆ

แค่นี้ก็เรียบร้อยจร้า

Cruncha-licious!
กรอบอร่อย!

By : Mary Mulard


>> เปลี่ยนปัญหากลายเป็นปัญญา....ทำได้อย่างไร?


@...การเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา

ปัญหา"เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็อยากเลี่ยงหลีก"
แต่ไม่มีใครที่หนีมันพ้นได้ เพราะปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิ
ในเมื่อเราไม่มีวันหนีปัญหาพ้น
จะไม่ดีกว่าหรือหากเราเตรียมใจให้พร้อมเพื่อต้อนรับมันอยู่เสมอ
การมองว่า "ปัญหา"เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ไม่มีใครหนีพ้น

เช่นเดียวกับ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราเผชิญกับปัญหาได้โดยไม่ทุกข์มากนัก
แต่วิธีที่ดีกว่านั้นก็คือการเปลี่ยน "ปัญหา" ให้กลายเป็น
"ปัญญา" เพราะนอกจากจะไม่ทุกข์หรือ
"ขาดทุน" แล้ว ยังได้ประโยชน์เป็น "กำไร"กลับมาด้วย

ขอให้สังเกตคำว่า "ปัญหา" กับ "ปัญญา"


นั้นมีความใกล้เคียงกันมาก ต่างกันแค่ตัวเดียวคือ

 "ห" กับ "ญ" ในชีวิตจริง สิ่งที่เรียกว่า "ปัญหา"
นั้นก็อยู่ใกล้กับ "ปัญญา" มากเช่นเดียวกัน
ปัญหาสามารถก่อให้เกิดปัญญาได้หากรู้จักมองหรือใคร่ครวญกับมัน
นักเรียนจะเฉลียวฉลาดได้ก็เพราะหมั่นทำการบ้าน
การบ้านนั้นคืออะไรหากไม่ใช่ปัญหาหรือ
โจทย์ที่ต้องขบคิด ถ้าครูไม่ขยันให้โจทย์

หรือตั้งคำถามให้นักเรียนขบคิด
นักเรียนก็ยากที่จะเกิดปัญญาได้
คนทั่วไปนั้นเมื่อเจอปัญหา
ก็จะเป็นทุกข์หรือกลัดกลุ้มไปกับมัน
แต่ถ้าลองตั้งสติและพิจารณาให้ด
ปัญหาก็จะกลายเป็นปัญญาได้ไม่ยา

เมื่อ ๘๐ ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษคนหนึ่ง
ได้เพาะเลี้ยงแบคทีเรียไว้ในจาน
เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยเรื่องไข้หวัด
วันหนึ่งเขาพบว่ามีเชื้อราเข้าไปปนเปื้อน
และทำลายแบคทีเรียที่เพาะเอาไว้
นั่นหมายความว่าเขาต้องเพาะแบคทีเรียขึ้นใหม่
เจ้าเชื้อราตัวนี้สร้างปัญหาให้นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้
แต่แทนที่จะโมโห เขากลับฉุกคิดขึ้นมาว่า

ถ้ามันฆ่าแบคทีเรียที่เพาะในจานได้
มันก็ต้องกำจัดแบคทีเรียที่ในร่างกายคนได้เช่นกัน
ปัญญาเกิดขึ้นแก่นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้ทันที
นำไปสู่การค้นพบเพนนิซิลินหรือยาปฏิชีวนะ

ซึ่งในเวลาไม่นานสามารถช่วยชีวิตผู้คนนับร้อยล้านคนทั่วโลก
นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้คืออเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่งนั่นเอง
โลกก้าวหน้าได้เพราะเรารู้จักเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา
มองให้แคบลงมา ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน

มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากประสบวิกฤต

บางคนเป็นโรคหัวใจเจียนตาย
ภัยร้ายได้บังคับให้เขาต้องหันมาทบทวนชีวิตของตน
และพบว่าการหมกมุ่นอยู่กับตนเอง ตัดขาดจากผู้อื่น
และจมอยู่กับความหดหู่เศร้าหมอง
เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เขามีอาการดังกล่าว เขาจึงปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
เข้าหาผู้คน ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อผู้อื่น


และปล่อยวางความกังวลหม่นหมอง
ไม่นานสุขภาพของเขาก็ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น
เขายอมรับว่า การเป็นโรคหัวใจเป็นสิ่งดีที่สุดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเขา
เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา


แทนที่จะคร่ำครวญหรือตีอกชกหัว

ลองใคร่ครวญดูให้ดี จะพบว่า
ปัญหาเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ถ้าเรามองสัญญาณนี้ออก นั่นแสดงว่าปัญญาได้เกิดแก่เราแล้ว
ขั้นต่อไปก็คือเปลี่ยนทัศนคติ

พฤติกรรม หรือการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง
เหมาะสม และชาญฉลาด
ไม่ควรมองว่าปัญหาคือ
"ทางตัน"

ถ้ามองให้ดี ในตัวปัญหานั้นก็มี
"ทางออก" ด้วยเหมือนกัน อย่าลืมว่า

สลักที่ล็อคประตูนั้นก็เป็นสลักอันเดียวกับที่ใช้เปิดประตู
สวิตช์ที่ปิดไฟก็เป็นอันเดียวกับที่ใช้เปิดไฟให้สว่าง
ฉันใดก็ฉันนั้นในคำถามก็มีคำตอบเฉลยอยู่
จะว่าไปแล้วปัญหาหรือความทุกข์ทั้งหลาย
ไม่ได้มีไว้ให้เราคร่ำครวญ แต่มีไว้ให้ใคร่ครวญนั่นเอง


ในความทุกข์นั้นก็มีทางออกจากความไม่ทุกข์แฝงอยู่เสมอ
ในภาพยนตร์เรื่อง Batman Begins เด็กชายบรู๊ซ
(ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นมนุษย์ค้างคาว)
ได้พลัดตกลงไปในหลุม เมื่อพ่อช่วยขึ้นมาแล้ว
ได้ถามลูกว่า "รู้ไหมทำไมคนเราถึงหกล้ม?"
ลูกนึกไม่ออก พ่อจึงเฉลยว่า
"ก็เพื่อเราจะได้รู้วิธีลุกขึ้นมาไงล่ะ" ความทุกข์มีขึ้น

ก็เพื่อสอนเราให้รู้จักหลุดพ้นจากความทุกข์

ปัญหาเกิดขึ้นก็เพื่อสอนเราให้เกิดปัญญา
ด้วยเหตุนี้ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
หากคือครูที่มาสอนให้เราฉลาดขึ้นนั่นเอง



(ขอบคุณภาพประกอบจาก internet)

>> การใช้ชีวิต 6 ระดับ



การใช้ชีวิต 6 ระดับ

1. การใช้ชีวิตตามความหวาดกลัว คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในระดับนี้ การใช้ชีวิตในระดับนี้ การตัดสินใจในชีวิตไม่สนใจเรื่องถูกต้อง แต่สนใจในเรื่องถูกใจ
คิดแต่ความหวาดกลัว เช่น กลัวลูกน้องไม่รัก กลัวเพื่อนไม่คบ


2. การใช้ชีวิตตามกติกา ในระดับสังคมบ้านเมือง เราใช้กติการในการดำเนินชีวิตมาก กติกาหลักๆ ที่เราใช้ มักจะเกี่ยวข้องอยู่กับ เรื่องสองสามเรื่องคือ "เงิน-เศรษฐศาสตร์" เราจะคำนึงถึงความคุ้ม กำไรและมักใช้สิ่งนี้ เป็นเหตุผลในการตัดสินใจ "วิชา" การตัดสินใจทำสิ่งใด อาศัยว่าได้เรียนมาอย่างไรก็ทำไปตามนั้น "กฎหมาย" ชีวิตเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับกฎหมาย ดำเนินชีวิตไปตามกฎเกณฑ์ ที่กฎหมายกำหนดไว้

3. การใช้ชีวิตตามสำนึกที่ดี ส่วนใหญ่แล้วเราใช้ชีวิตในระดับสำนึกที่ดี
แต่บางทีเราก็ท้อแท้ว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี เพราะเราทำดีแล้ว เราหวังว่าเราควรจะได้อะไรตอบแทน ที่ไม่ได้ก็ผิดหวัง แต่เมื่อเราได้พบเห็นคนที่เขาทุกข์ยาก ลำบากกว่าเรา เราเองก็อาจจะรู้สึกว่า โชคดีเท่าไรแล้ว ที่เราได้ทำดี ได้ใช้ชีวิตที่ดี


4. การใช้ชีวิตตามความจริง คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในระดับนี้ เป็นคนที่อยู่กับความจริงที่มันเป็นจริงๆ คาดหวังให้ตรงกับความเป็นจริง ความจริงไม่ใช่สิ่งที่เราต้องค้นหา เพียงแต่อย่าใส่ความไม่จริงลงไป ถ้าเราใช้ชีวิตอย่าง ไม่เข้าใจความจริง เราก็จะใช้ชีวิตไปตามแรงจูงใจ ด้วยอุดมคติ แรงจูงใจด้วยความคาดหวัง ซึ่งเสี่ยงต่อความพลาดผิดหวัง ท้อแท้ และเสียใจ

5. การใช้ชีวิตด้วยความว่าง เมื่อเราเริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆ ที่มันตกลงตรงหน้าเรา เห็นว่าสิ่งทั้งหลายมันเปลี่ยนแปลง และมีวันตาย เห็นความจริงว่า มันสุขๆ ทุกข์ๆ เมื่อเจอความทุก เราก็สามารถเผชิญหน้ากับมันได้ คนที่ใช้ชีวิตในระดับนี้ จะทำใจได้ว่าปัญหาเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นธรรมชาติที่ชีวิตต้องจอ

6. ชีวิตที่หลุดพ้น เป็นชีวิตที่แข็งแรง ไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของความอยาก ความต้องการใดๆ ที่เกินจำเป็น มองเห็นชีวิตตามความเป็นจริง เลือกใช้ชีวิตแต่ในสิ่งที่เป็นาระ


ที่มา : หนังสือเรื่อง "แรงดลใจแห่งชีวิต"
ผู้เขียน : คุณโสภณ สุภาพงษ์

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

>> ขุนเขา

(ขอบคุณภาพจาก internet ค่ะ)

ในความเวิงว้างของธรรมชาติที่เราเห็น

มีอะไรบางอย่างซ่อนเร้นมีความหมาย

ภาพที่สวยโดดเด่นตรงหน้าทั้งเช้าสาย

ยามฝนโปรยปรายดูเยือกเย็นและอบอุ่น


ธรรมชาติสอนมนุษย์ให้มีความรู้สึกเช่นนี้

หากแต่มีใครบ้างที่คิดถึงและรู้สึกคุ้น

ความว่างเปล่า ความอบอุ่นที่ซ่อนเร้นมันกรุ่น

แม้นบางครั้งดูวุ่นวายสับสนของมนุษย์ก็ตา

ซ่อนกลิ่น  ซ่าหรี....180254



>> ความทรงจำ

(ขอบคุณภาพจาก internet)

อดีตเป็นเพียงแค่ความทรงจำ

ปัจจุบันจำแต่เรื่องดีดี

ปล่อยให้มันผ่านพ้นอย่าให้มี

จะสุขขีเบาบางไม่ทุกข์ใจ

ซ่อนกลิ่น ซ่าหรี.......180254

>> วันมาฆบูชา

ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

วันมาฆบูชา ซึ่งถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง ได้เวียนมาบรรจบอีกครั้ง วันนี้กระปุกจึงมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับวันมาฆบูชามาฝากกันค่ะ

ความหมายของวันมาฆบูชา

          คำว่า "มาฆะ" นั้น เป็นชื่อของเดือน 3 ย่อมาจากคำว่า "มาฆบุรณมี" หมายถึง การบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3  

การกำหนดวันมาฆบูชา
          การกำหนดวันมาฆบูชาตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้นจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และมักตรงกับเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม

ความสำคัญและประวัติของวันมาฆบูชา
          ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์" แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่างๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"

ทั้งนี้ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อมๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่
          1.วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์

          2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

          3.พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6

          4.พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"

          และ เพราะเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งคำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" นี้ มีความหมายตามการแยกศัพท์คือ

          * จาตุร แปลว่า 4
          * องค์ แปลว่า ส่วน
          * สันนิบาต แปลว่า ประชุม

          ดังนั้น "จาตุรงคสันนิบาต" จึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ 4" นั่นเอง
          ทั้งนี้วันมาฆบูชาถือว่าเป็นวันพระธรรม ขณะที่วันวิสาขบูชาถือว่าเป็นวันพระพุทธ ส่วนวันอาสาฬหบูชา เป็นวันพระสงฆ์

ประวัติการถือปฏิบัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย

          พิธีทำบุญวันมาฆบูชานี้ ไม่ปรากฎหลักฐานว่ามีมาในสมัยใด อย่างไรก็ตามในหนังสือ "พระราชพิธีสิบสองเดือน" อันเป็นบทพระราชนิพนธ์ของ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" มีเรื่องราวเกี่ยวกับการประกอบราชกุศลมาฆบูชาไว้ว่า

          ประเทศไทยเริ่มกำหนดพิธีปฏิบัติในวันมาฆบูชาเป็นครั้งแรกในช่วงรัชสมัยพระ บาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งมีการประกอบพิธีเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2394 ในพระบรมมหาราชวังก่อน โดยมีพิธีพระราชกุศลในเวลาเช้า นมัสการพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศวรวิหารและวัดราชประดิษฐ์จำนวน 30 รูป ฉันภัตตาหารในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
          เมื่อถึงเวลาค่ำ  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออก ทรงจุดธูปเทียนนมัสการ พระสงฆ์ทำวัตรเย็นและสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ เมื่อสวดจบทรงจุดเทียน 1,250 เล่ม รอบพระอุโบสถ มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ 1 กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลี และภาษาไทย ส่วนเครื่องกัณฑ์ประกอบด้วยจีวรเนื้อดี 1 ผืน เงิน 3 ตำลึงและขนมต่างๆ เมื่อเทศนาจบ พระสงฆ์ 30 รูป สวดรับ

          ในสมัยรัชกาลที่ 4 นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปี แต่มีการยกเว้นบ้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องจากบางครั้งตรงกับช่วงเสด็จประพาสก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชาในสถานที่ นั้นๆ ขึ้นอีกแห่ง นอกเหนือจากภายในพระบรมมหาราชวัง
          ต่อมาการประกอบพิธีมาฆบูชาได้แพร่หลายออกไปภายนอกพระบรมมหาราชวัง และประกอบพิธีกันทั่วราชอาณาจักร ทางรัฐบาลจึงประกาศให้เป็นวันหยุดทางราชการด้วย เพื่อให้ประชาชนจากทุกสาขาอาชีพได้ไปวัด เพื่อทำบุญกุศลและประกอบกิจกรรมทางศาสนา

          นอกจากนี้ในปี พ.ศ.2549 รัฐบาลไทยประกาศให้วันมาฆบูชา ให้เป็นวันกตัญญูแห่งชาติอีกด้วย


ขอขอบคุณข้อมูลจาก 
http://hilight.kapook.com/view/20696 

 

>> สับสน


ความรู้สึกของคนเรา

 บางครั้งก็โง่เขลาเหลือเกิน

กับความคิดที่เผินๆ

มันมากเกินที่จะบรรยาย

ซ่อนกลิ่น..



วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

>> จินตนาการของมนุษย์


ถ้าจินตนาการผ่านความคิด

มันวิจิตรตระการตาในความหมาย

มนุษย์เรามองเห็นและบรรยาย

มีมุ่งหมายมีใจความต่างกัน


ดั่งภาพที่เห็นมีหลายแง่มุม

มองเดาสุ่มความคิดที่หลากหลาย

บ้างมองเห็นชีวิตถูกทำลาย

ธรรมชาติร้ายลงทัณฑ์ช่างน่ากลัว

ซื่อกลิ่น ซ่าหรี 




>> พรรณนาวจี


ทุกสิ่งล้วน...แลลับ

ทุกสิ่งดับ...สับเปลี่ยนผัน

วันและคืน...ตื่นกัน

ทุกข์สุขสันต์...ฝันแค่นั้น

@@@@@@@@

อาทิตย์กลบแสง...ยามพลบค่ำ

น่าจดจำ...คืนเดือนลับ

ยามสิ้นแสง...เดือนดับดับ

สูญสิ้นลับกลับวังวน

@@@@@@@@@@@@@@@

ทุกชีวิต...ในโลก

มีเศร้ามี...โศกคละกัน

สรรพสิ่ง...ล้วนผัน

ดับสูญกัน...ทุกผู้คน

@..ซ่อนกลิ่น หรีซ่า..@


วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

>> บ้าน

(seience.mju.ac.th)

บ้านคือบ้าน...วิมานดิน

มีหนี้สิน...สิ้นเพราะสร้าง

ทำเกินตัว...กลัวบ้านร้าง

เพราะโครงสร้าง...จ้างคนทำ


สร้างแล้วร้าง...บ้างไม่อยู่

ไม่มีคู่...อยู่ให้จำ

แม้นพูดสวย...ด้วยน้ำคำ

สักล้านคำ...พร่ำทำไม

ซ่อนกลิ่น  ซ่าหรี


>> คืนเหงา

(ขอบคุณเจ้าของภาพ ขออนุญาตนำมาประกอบภาพ)

ท้องฟ้าหมอกควันหนา
 ดูมัวพร่ามันเงียบเหงา
เสียงรถติดตามเงา
คอยคอยเฝ้าจ้องทำลาย

กลางวันร้อนรนนัก
เสียงเครื่องจักรดังเป็นสาย
ผู้คนดูเดียวดาย
 รถทุกสายวิ่งไปมา

ชีวิตคนเมืองกรุง
มีสูงส่งเวทนา
 สูดดมกลิ่นควันหนา
วิ่งไปมาไร้จุดหมาย

  ตกเย็นรีบกลับบ้าน 
เข้าเรือนชานกันมากมาย
เหน็ดเหนื่อยกันแทบตาม
ถ้าตื่นสายไร้ทำกิน

ซ่อนกลิ่น ซ่าหรี


>> บริสุทธิ์


รักที่บริสุทธิ์

ประดุจความสดใส

ขอให้เพราะห่วงใย

ด้วยหัวใจที่ผูกพัน

สีขาวบริสุทธิ์

ดูสะดุดหยุดที่เธอ

ทุกครั้งไปฝันเพ้อ

เพราะอยากเจอเธอสักครั้ง

กุหลาบสีขาวนวล

เธอยิ้มสวนแล้วส่งให้

เขามอบด้วยน้ำใจ

ความห่วงใยทุกเวลา

... ซ่าหรี ...

สาระที่คุณต้องค้น...ตรงนี้นะคะ