คำคม...คติสอนใจ

@...ความเจริญทางจิตใจนั้นเราจะซื้อไม่่ได้...@

Hi ! Welcome...สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับ "บ้านซ่าหรี"
บุคคลทั่วไป กรุณาเข้าสู่ระบบ หรือ ส่งอีเมล์ยืนยันการเข้าใช้งานด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

>> เปลี่ยนปัญหากลายเป็นปัญญา....ทำได้อย่างไร?


@...การเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา

ปัญหา"เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็อยากเลี่ยงหลีก"
แต่ไม่มีใครที่หนีมันพ้นได้ เพราะปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิ
ในเมื่อเราไม่มีวันหนีปัญหาพ้น
จะไม่ดีกว่าหรือหากเราเตรียมใจให้พร้อมเพื่อต้อนรับมันอยู่เสมอ
การมองว่า "ปัญหา"เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ไม่มีใครหนีพ้น

เช่นเดียวกับ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราเผชิญกับปัญหาได้โดยไม่ทุกข์มากนัก
แต่วิธีที่ดีกว่านั้นก็คือการเปลี่ยน "ปัญหา" ให้กลายเป็น
"ปัญญา" เพราะนอกจากจะไม่ทุกข์หรือ
"ขาดทุน" แล้ว ยังได้ประโยชน์เป็น "กำไร"กลับมาด้วย

ขอให้สังเกตคำว่า "ปัญหา" กับ "ปัญญา"


นั้นมีความใกล้เคียงกันมาก ต่างกันแค่ตัวเดียวคือ

 "ห" กับ "ญ" ในชีวิตจริง สิ่งที่เรียกว่า "ปัญหา"
นั้นก็อยู่ใกล้กับ "ปัญญา" มากเช่นเดียวกัน
ปัญหาสามารถก่อให้เกิดปัญญาได้หากรู้จักมองหรือใคร่ครวญกับมัน
นักเรียนจะเฉลียวฉลาดได้ก็เพราะหมั่นทำการบ้าน
การบ้านนั้นคืออะไรหากไม่ใช่ปัญหาหรือ
โจทย์ที่ต้องขบคิด ถ้าครูไม่ขยันให้โจทย์

หรือตั้งคำถามให้นักเรียนขบคิด
นักเรียนก็ยากที่จะเกิดปัญญาได้
คนทั่วไปนั้นเมื่อเจอปัญหา
ก็จะเป็นทุกข์หรือกลัดกลุ้มไปกับมัน
แต่ถ้าลองตั้งสติและพิจารณาให้ด
ปัญหาก็จะกลายเป็นปัญญาได้ไม่ยา

เมื่อ ๘๐ ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษคนหนึ่ง
ได้เพาะเลี้ยงแบคทีเรียไว้ในจาน
เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยเรื่องไข้หวัด
วันหนึ่งเขาพบว่ามีเชื้อราเข้าไปปนเปื้อน
และทำลายแบคทีเรียที่เพาะเอาไว้
นั่นหมายความว่าเขาต้องเพาะแบคทีเรียขึ้นใหม่
เจ้าเชื้อราตัวนี้สร้างปัญหาให้นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้
แต่แทนที่จะโมโห เขากลับฉุกคิดขึ้นมาว่า

ถ้ามันฆ่าแบคทีเรียที่เพาะในจานได้
มันก็ต้องกำจัดแบคทีเรียที่ในร่างกายคนได้เช่นกัน
ปัญญาเกิดขึ้นแก่นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้ทันที
นำไปสู่การค้นพบเพนนิซิลินหรือยาปฏิชีวนะ

ซึ่งในเวลาไม่นานสามารถช่วยชีวิตผู้คนนับร้อยล้านคนทั่วโลก
นักวิทยาศาสตร์ผู้นี้คืออเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่งนั่นเอง
โลกก้าวหน้าได้เพราะเรารู้จักเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา
มองให้แคบลงมา ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน

มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากประสบวิกฤต

บางคนเป็นโรคหัวใจเจียนตาย
ภัยร้ายได้บังคับให้เขาต้องหันมาทบทวนชีวิตของตน
และพบว่าการหมกมุ่นอยู่กับตนเอง ตัดขาดจากผู้อื่น
และจมอยู่กับความหดหู่เศร้าหมอง
เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เขามีอาการดังกล่าว เขาจึงปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต
เข้าหาผู้คน ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อผู้อื่น


และปล่อยวางความกังวลหม่นหมอง
ไม่นานสุขภาพของเขาก็ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น
เขายอมรับว่า การเป็นโรคหัวใจเป็นสิ่งดีที่สุดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเขา
เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา


แทนที่จะคร่ำครวญหรือตีอกชกหัว

ลองใคร่ครวญดูให้ดี จะพบว่า
ปัญหาเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ถ้าเรามองสัญญาณนี้ออก นั่นแสดงว่าปัญญาได้เกิดแก่เราแล้ว
ขั้นต่อไปก็คือเปลี่ยนทัศนคติ

พฤติกรรม หรือการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง
เหมาะสม และชาญฉลาด
ไม่ควรมองว่าปัญหาคือ
"ทางตัน"

ถ้ามองให้ดี ในตัวปัญหานั้นก็มี
"ทางออก" ด้วยเหมือนกัน อย่าลืมว่า

สลักที่ล็อคประตูนั้นก็เป็นสลักอันเดียวกับที่ใช้เปิดประตู
สวิตช์ที่ปิดไฟก็เป็นอันเดียวกับที่ใช้เปิดไฟให้สว่าง
ฉันใดก็ฉันนั้นในคำถามก็มีคำตอบเฉลยอยู่
จะว่าไปแล้วปัญหาหรือความทุกข์ทั้งหลาย
ไม่ได้มีไว้ให้เราคร่ำครวญ แต่มีไว้ให้ใคร่ครวญนั่นเอง


ในความทุกข์นั้นก็มีทางออกจากความไม่ทุกข์แฝงอยู่เสมอ
ในภาพยนตร์เรื่อง Batman Begins เด็กชายบรู๊ซ
(ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นมนุษย์ค้างคาว)
ได้พลัดตกลงไปในหลุม เมื่อพ่อช่วยขึ้นมาแล้ว
ได้ถามลูกว่า "รู้ไหมทำไมคนเราถึงหกล้ม?"
ลูกนึกไม่ออก พ่อจึงเฉลยว่า
"ก็เพื่อเราจะได้รู้วิธีลุกขึ้นมาไงล่ะ" ความทุกข์มีขึ้น

ก็เพื่อสอนเราให้รู้จักหลุดพ้นจากความทุกข์

ปัญหาเกิดขึ้นก็เพื่อสอนเราให้เกิดปัญญา
ด้วยเหตุนี้ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
หากคือครูที่มาสอนให้เราฉลาดขึ้นนั่นเอง



(ขอบคุณภาพประกอบจาก internet)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สาระที่คุณต้องค้น...ตรงนี้นะคะ